คำถามโลกแตกสุดๆ กับคำถามที่ว่า เมื่อไหร่ถึงจะควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งบทความนี้ เราได้หาคำตอบมาให้แล้วค่ะ ว่าแล้ว ก็เลื่อนลงไปอ่านคำตอบกันเลย
4 ข้อสังเกต เมื่อควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์
- เวลาสตาร์ทรถในแต่ละครั้ง รู้สึกว่ารถสตาร์ทติดยากกว่าปกติ หากคุณเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ครั้งสุดท้ายมานานมากแล้ว และพบว่ารถเริ่มสตาร์ทติดยากขึ้น มีเสียงดังแชะๆ ตลอดเวลา เสียงเครื่องยนต์หมุนช้า นั่นอาจหมายความได้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว ให้ลองตรวจเช็ค และเตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้เลย
- ไฟหน้ารถไม่ค่อยสว่าง อีกอาการที่บ่งบอกได้ว่าคุณควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้แล้ว และหากพบว่าไฟหน้ารถมีแสงน้อยลง ไม่สว่างเหมือนปกติ นั่นหมายถึงระบบไฟฟ้าภายในรถกำลังอ่อน ซึ่งนั่นอาจจะมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่รถยนต์ที่เริ่มเสื่อม
- ระบบไฟฟ้าในรถยนต์เริ่มทำงานผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟต่าง ๆ ภายในรถ เช่น วิทยุ เครื่องเสียง กระจกไฟฟ้า หากสิ่งเหล่านี้ที่เราได้บอกไป มีอาการทำงานช้าลง กระพริบ ติดๆ ขัดๆ รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ก็ให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม
- เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 1.5 – 2 ปีมาแล้ว หากคุณเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์มาระยะหนึ่งแล้ว อาจต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ก้อนใหม่ เนื่องจากอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ของเราอาจกำลังใกล้หมด
เมื่อเปลี่ยนแบตรถยนต์แล้ว ก็อย่าลืมที่จะทำ ประกันชั้น 1 รถยนต์ของ roojai เอาไว้ด้วยนะคะ เพราะประกันชั้น 1 รถยนต์นั้นจะคุ้มครองเหตุไม่คาดฝันแทบทุกกรณี อาทิ ประกันชั้น 1 รถยนต์ จะช่วยคุ้มครองความเสียหายโดนตรงต่อตัวรถยนต์ อันเกิดจากการบรรทุกน้ำหนักหรือจำนวนผู้โดยสารเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต อันมิได้เกิดจากอุบัติเหตุ และประกันชั้น 1 รถยนต์ ยังช่วยคุ้มครองความเสียหายอันเกิดจากการขาดใช้รถยนต์ เว้นแต่ ขาดจากการใช้รถยนต์นั้นเกิดจากบริษัทประวิงเวลาซ่อม หรือ ซ่อมล่าช้าเกินกว่าที่ควรจะเป็น โดยไม่มีเหตุอันควร